ในหลาย ๆ หน่วยงานห้องประชุมย่อมมีความจำเป็นไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของภาครัฐ ภาคเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจ ก็ตามห้องประชุมมีไว้เพื่อการประชุม ยกเว้นเป็นสำนักงานที่ขนาดไม่ใหญ่มากนักเวลาประชุมไม่จำเป็นต้องมีห้องอาจจะใช้ห้องอื่น ๆ ในการรวมกลุ่มการประชุมได้ สำหรับบทความนี้จะมาพูดถึงเรื่องการออกแบบห้องประชุมสำหรับหน่วยงานที่มีความจำเป็นจะต้องใช้ ว่าต้องทำอย่างไรบ้างตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลย โดยเฉพาะหน่วยงานที่ค่อยข้างเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงห้องประชุมจำเป็นจะต้องมีอย่างยิ่งเพราะว่านอกจากจะประชุมกันเองภายในองค์กรตัวเองแล้วอาจจะได้ใช้ในการประชุมร่วมกันกับบริษัทคู่ค้าและอื่น ๆ อีกด้วย เรามาออกแบบห้องประชุมให้สวยงามกันเถอะ
• เก้าอี้ ที่จริงก็ควรจะซื้อหามาพร้อมกันกับการหาโต๊ะประชุมเลย และจะต้องเพียงพอแต่บุคคลากรที่จะเข้าประชุมในแต่ละครั้งด้วย การออกแบบห้องประชุมจะต้องดูจำนวนคนที่จะเข้าประชุมด้วยนั่นเอง หากมันไม่มีก็ต้องเสริมเข้ามาได้แต่ไม่ให้มันน่าเกลียด แน่นอัดกันเป็นปลากระป๋องแบบนั้นคงไม่ดีแน่ ๆ สีของเก้าอี้ให้ดูที่โทนของห้องแล้วลองคิดว่าจะต้องเลือกเก้าอี้แบบไหนมาใส่ในห้องประชุมนั้น ๆ
• จอคอมพิวเตอร์ตัวกลาง จะใช้สำหรับการนำเสนองานแต่ละครั้งเป็นเครื่องหลังของห้องประชุมนั้น ๆ เป็นตัวกลางในการเปิดและเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ และต้องเป็นคอมพิวเตอร์ที่ลงวินโดวมาให้รองรับกับไฟล์และอุปกรณ์ห้องประชุมตัวอื่น ๆ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเวลาที่นำเสนองานหรือประชุมกันแต่ละครั้ง
• โปรเจคเตอร์หรือจอทีวีขนาดใหญ่ ใช้ในการแสดงผลขนาดใหญ่เพื่อให้ดูกันเห็นชัด ๆ ทั่วห้องประชุม ยิ่งถ้าเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์การออกแบบต่าง ๆ ยิ่งจะต้องใช้จอนาดใหญ่เพื่อให้ดูรายละเอียดชัด ๆ ป้องกันการผิดพลาดของงาน และต้องเป็นจอที่สามารถต่อเข้าด้วยกันกับคอมพิวเตอร์ตัวใหญ่ที่เป็นตัวกลางของห้องประชุมได้ด้วย
• ไมค์โครโฟน จะใช้เป็นแบบไหนก็ได้ตามความเหมาะสมและเข้ากันกับห้องประชุม จะมีตั้งทุกโต๊ะเลยก็ได้ หรือจะมีแค่เฉพาะไมค์หลังสำหรับผู้ที่นำเสนองานในครั้งนั้นก็ได้ เพราะว่าบางห้องประชุมไมค์เยอะเกินไปก็จะดูรก ๆ หากไม่ใช่ห้องขนาดใหญ่อะไรมากก็ไม่จำเป็นจำต้องตั้งไมค์ไว้ทุกโต๊ะก็ได้ เพราะพูดกันธรรมดา ๆ ก็คงจะได้ยินอยู่แล้ว
• หลอดไฟ ความสะดวกเป็นสิ่งจำเป็นมากในห้องประชุม การติดไฟห้องประชุมจึงสำคัญหากความสว่างไม่เพียงพอจะทำให้การมองเอกสาร หรือมองงานที่นำเสนอบนจอได้ไม่ชัดนัก ยกเว้นหากต้องการประชุมแบบมืด ๆ ก็ใช้วิธีปิดไปแทนได้ ส่วนจะติดไฟแบบไหนก็ตามใจผู้ออกแบบและคนที่รับผิดชอบในการออกแบบตกแต่งห้องประชุมได้เลย แต่ต้องให้เข้ากันกับบรรยากาศของห้อง ไม่ใช่ว่าจะติดโคมไฟระย้าในห้องประชุมก็ดูจะไม่เหมาะและเปลืองงบโดนเปล่าประโยชน์มาก ๆ ฉะนั้นการเลือกไฟก็เอาให้อยู่ในความพอดีก็พอ
หากสำนักงานใดหรือหน่วยงานไหนต้องการจำมีอุปกรณ์สำหรับห้องประชุมเพิ่มเติมก็สามารถนำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห้องประชุมได้ แต่โดยรวมในแบบของห้องประชุมปกติแล้วจะต้องเป็นอุปกรณ์ดังที่กล่าวมาข้างต้น เพราะหากขาดไปอย่างใดอย่างห้องก็คงไม่ครบในความเป็นห้องประชุมแน่นอน ยกเว้นแต่ว่าจะอยากทำให้ห้องประชุมเป็นแบบใหม่ คือนั่งโต๊ะญี่ปุ่น ปูเบาะรองนั่งแล้วประชุมกัน มันก็แปลกดีนะจะลองนำไปใช้กันดูก็ได้ประหยัดงบประมาณไปได้เยอะเลยนะ แต่มันก็ไม่ค่อยเป็นทางการเท่าไรนัก ต่อการมาดูเรื่องการออกแบบให้สวยงามกันบ้างว่าห้องประชุมที่สวย ๆ นั้นเขาออกแบบกันอย่างไร
1. ดูขนาดของห้อง พื้นที่เป็นตัวสำคัญหลักในการกำหนดอย่างอื่น หากพื้นที่ห้องแคบ ๆ และเล็กหากห้องอยู่ริม ๆ ทางที่ดีห้องนั้นควรจะเป็นห้องกระจกที่มองเห็นวิวได้ชัดแต่ระวังเรื่องแสงแดดส่องมากเกินไป หากเป็นทิศที่แสงกำลังพอดีไม่สว่างมากเกินไป ไม่มืดมากเป็นแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาอีกอย่างไม่ต้องเปลืองไฟด้วยนะ
2. สีของห้องประชุม โทนสีก็สำคัญควรจะเป็นห้องที่มีความราบเรียบดูหรู ให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เพราะเวลาที่ประชุมมักจะเครียดหากห้องตกแต่งให้อึมครึมและเครียด ก็จะยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม ฉะนั้นห้องประชุมควรให้บรรยากาศที่สบาย ๆ ทั้งสายตาและอารมณ์ด้วย
3. เฟอร์นิเจอร์ ในที่นี้ก็หมายถึงพวกโต๊ะ เก้าอี้ สำหรับห้องประชุม จะเลือกโต๊ะขนาดไหนเก้าอี้แบบใดจึงจะออกมาสวย เป็นโต๊ะไม้ สีไม้ ลายไม้จะดูเป็นโต๊ะมากกว่า จากนั้นก็ค่อยเป็นเก้าอี้โทนสีเทาหรือดำก็ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำมันจะเข้าได้กับทุกโทนสีห้องและสีของโต๊ะห้องประชุมด้วย
4. การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์เครื่องเสียง จะต้องมีด้านหน้าสำหรับการติดตั้งจอโปรเจคเตอร์หรือใช้เป็นจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ และในมุมขวาหรือซ้ายด้านใดก็ได้ ตั้งเป็นโต๊ะและวางคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ หากวางตรงกลางจะเป็นการบังจอแสดงผลที่อยู่ด้านหลังและดูเกะกะมาก ฉะนั้นวางทางมุมใดมุมหนึ่งของซ้ายขวาทางด้านหน้าห้องประชุม
5. พื้นห้องประชุม การปูพื้นก็สำคัญอยากจะใช้เป็นอะไรจะเล่นลวดลายของสรกระเบื้องก็ได้ หรือจะเลือกเป็นการปูพรมก็สวยงามอีกแบบ แต่ว่าหากมองในเรื่องของการทำความสะอาดเข้าไปด้วย การปูแบบกระเบื้องจะทำความสะอาดได้ง่ายกว่าการปูพรมในห้องประชุม และควรเลือกสีของพื้นให้ตัดกับโทนสีของห้องเพื่อให้มันความโดดเด่นไม่จืดเกินไป แต่ก็ไม่ควรจะเป็นสีที่เด่นเกินไป
6. ตกแต่งด้วยไม้ประดับกระถาง ในห้องประชุมที่ดูมีแต่สิ่งของและสีที่ให้ความรู้สึกเย็นแต่บางทีก็ดูแข็งกระด้างต่อความรู้สึกเกินไป ลองหาต้นไม้ประดับสีเขียวที่ดูแลง่ายๆ ใส่กระถางสวย ๆ เข้ามาตั้งไว้สักมุมในห้องประชุมเพื่อความสบายตาและลดความกระด้างของความรู้สึกลงมาได้
7. ผ้าม่าน กรณีที่ประชุมที่มีหน้าต่างหรือมีผนังบางด้านเป็นกระจก เอาไว้บังแสงเวลาที่แดดสาดเข้ามาแรงเกินไป สีของผ้าม่านควรจะเป็นสีสว่างแต่เนื้อผ้าจะต้องหนาให้บังแสงได้ด้วย หากต้องการแสงสว่างจากด้านนอกก็ให้เปิดออก แต่ถ้าแสงมากเกินไปก็ปิดม่านและเปิดไฟแทนกันได้
การออกแบบห้องประชุมให้สวยงามดูดีมีหลายอย่างต้องคำนึงถึงและทุก ๆ ส่วนจะต้องสัมพันธ์กันด้วย หากไปคนละทิศละทางห้องประชุมคงออกมาแบบแปลก ๆ ที่ไม่น่านั่งประชุมเลย ฉะนั้นหากหน่วยงานของท่านยังไม่มีห้องประชุมควรจะต้องทำได้แล้วและออกแบบห้องประชุมให้ดี อย่าลืมคำนวณและนึกถึงคนที่จะเข้าร่วมในแต่ละครั้งด้วยว่ามีจำนวนเยอะแค่ไหน ขนาดห้องที่จะใช้ประชุมเพียงพอกันหรือไม่ เมื่อจบบทความนี้แล้วเราก็เชื่อว่าท่านคงจะมีแบบห้องประชุมที่สวยและเหมาะกับสำนักงานของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ห้องประชุมที่พอใจแล้วหากเป็นไปได้นำรูปมาแบ่งปันชมได้เลย เว็บไซต์ของเรายินดีรับเรื่องราวดี ๆ ในการออกแบบห้องประชุมเพื่อให้ผู้อ่านท่านอื่น ๆได้ความรู้ทั่วกัน
อุปกรณ์ที่จะต้องมีในการจัดห้องประชุม
• โต๊ะ จะเป็นโต๊ะห้องประชุมแบบไหน ก็อยู่ที่คนออกแบบและความต้องการของเจ้าของหน่วยงานนั้น ๆ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงขนาดของห้องและการจัดวางโต๊ะประชุมด้วยว่าทำอย่างไรจึงจะพอดีและสวยงาม หากเอาโต๊ะมาเยอะจะกลายเป็นห้องประชุมที่แออัดมาก และควรเลือกสีให้เข้ากันกับโทนของสีห้องจะได้ไปในแนวเดียวกัน• เก้าอี้ ที่จริงก็ควรจะซื้อหามาพร้อมกันกับการหาโต๊ะประชุมเลย และจะต้องเพียงพอแต่บุคคลากรที่จะเข้าประชุมในแต่ละครั้งด้วย การออกแบบห้องประชุมจะต้องดูจำนวนคนที่จะเข้าประชุมด้วยนั่นเอง หากมันไม่มีก็ต้องเสริมเข้ามาได้แต่ไม่ให้มันน่าเกลียด แน่นอัดกันเป็นปลากระป๋องแบบนั้นคงไม่ดีแน่ ๆ สีของเก้าอี้ให้ดูที่โทนของห้องแล้วลองคิดว่าจะต้องเลือกเก้าอี้แบบไหนมาใส่ในห้องประชุมนั้น ๆ
• จอคอมพิวเตอร์ตัวกลาง จะใช้สำหรับการนำเสนองานแต่ละครั้งเป็นเครื่องหลังของห้องประชุมนั้น ๆ เป็นตัวกลางในการเปิดและเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ และต้องเป็นคอมพิวเตอร์ที่ลงวินโดวมาให้รองรับกับไฟล์และอุปกรณ์ห้องประชุมตัวอื่น ๆ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเวลาที่นำเสนองานหรือประชุมกันแต่ละครั้ง
• โปรเจคเตอร์หรือจอทีวีขนาดใหญ่ ใช้ในการแสดงผลขนาดใหญ่เพื่อให้ดูกันเห็นชัด ๆ ทั่วห้องประชุม ยิ่งถ้าเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์การออกแบบต่าง ๆ ยิ่งจะต้องใช้จอนาดใหญ่เพื่อให้ดูรายละเอียดชัด ๆ ป้องกันการผิดพลาดของงาน และต้องเป็นจอที่สามารถต่อเข้าด้วยกันกับคอมพิวเตอร์ตัวใหญ่ที่เป็นตัวกลางของห้องประชุมได้ด้วย
• ไมค์โครโฟน จะใช้เป็นแบบไหนก็ได้ตามความเหมาะสมและเข้ากันกับห้องประชุม จะมีตั้งทุกโต๊ะเลยก็ได้ หรือจะมีแค่เฉพาะไมค์หลังสำหรับผู้ที่นำเสนองานในครั้งนั้นก็ได้ เพราะว่าบางห้องประชุมไมค์เยอะเกินไปก็จะดูรก ๆ หากไม่ใช่ห้องขนาดใหญ่อะไรมากก็ไม่จำเป็นจำต้องตั้งไมค์ไว้ทุกโต๊ะก็ได้ เพราะพูดกันธรรมดา ๆ ก็คงจะได้ยินอยู่แล้ว
• หลอดไฟ ความสะดวกเป็นสิ่งจำเป็นมากในห้องประชุม การติดไฟห้องประชุมจึงสำคัญหากความสว่างไม่เพียงพอจะทำให้การมองเอกสาร หรือมองงานที่นำเสนอบนจอได้ไม่ชัดนัก ยกเว้นหากต้องการประชุมแบบมืด ๆ ก็ใช้วิธีปิดไปแทนได้ ส่วนจะติดไฟแบบไหนก็ตามใจผู้ออกแบบและคนที่รับผิดชอบในการออกแบบตกแต่งห้องประชุมได้เลย แต่ต้องให้เข้ากันกับบรรยากาศของห้อง ไม่ใช่ว่าจะติดโคมไฟระย้าในห้องประชุมก็ดูจะไม่เหมาะและเปลืองงบโดนเปล่าประโยชน์มาก ๆ ฉะนั้นการเลือกไฟก็เอาให้อยู่ในความพอดีก็พอ
หากสำนักงานใดหรือหน่วยงานไหนต้องการจำมีอุปกรณ์สำหรับห้องประชุมเพิ่มเติมก็สามารถนำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห้องประชุมได้ แต่โดยรวมในแบบของห้องประชุมปกติแล้วจะต้องเป็นอุปกรณ์ดังที่กล่าวมาข้างต้น เพราะหากขาดไปอย่างใดอย่างห้องก็คงไม่ครบในความเป็นห้องประชุมแน่นอน ยกเว้นแต่ว่าจะอยากทำให้ห้องประชุมเป็นแบบใหม่ คือนั่งโต๊ะญี่ปุ่น ปูเบาะรองนั่งแล้วประชุมกัน มันก็แปลกดีนะจะลองนำไปใช้กันดูก็ได้ประหยัดงบประมาณไปได้เยอะเลยนะ แต่มันก็ไม่ค่อยเป็นทางการเท่าไรนัก ต่อการมาดูเรื่องการออกแบบให้สวยงามกันบ้างว่าห้องประชุมที่สวย ๆ นั้นเขาออกแบบกันอย่างไร
การออกแบบห้องประชุมให้สวยงามในสำนักงาน
ห้องประชุมแบบไหนที่ใช่แบบไหนที่ต้องการของหน่วยงาน การออกแบบห้องประชุมไม่ใช่เรื่องยากแต่มันก็ไม่ง่ายนักที่จะทำออกมาให้มันสวยและถูกใจ รู้สึกดี ไม่อึดอัดเวลาที่ประชุม มาลองดูการออกแบบห้องประชุมกันแบบง่าย ๆ ดีกว่า1. ดูขนาดของห้อง พื้นที่เป็นตัวสำคัญหลักในการกำหนดอย่างอื่น หากพื้นที่ห้องแคบ ๆ และเล็กหากห้องอยู่ริม ๆ ทางที่ดีห้องนั้นควรจะเป็นห้องกระจกที่มองเห็นวิวได้ชัดแต่ระวังเรื่องแสงแดดส่องมากเกินไป หากเป็นทิศที่แสงกำลังพอดีไม่สว่างมากเกินไป ไม่มืดมากเป็นแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาอีกอย่างไม่ต้องเปลืองไฟด้วยนะ
2. สีของห้องประชุม โทนสีก็สำคัญควรจะเป็นห้องที่มีความราบเรียบดูหรู ให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เพราะเวลาที่ประชุมมักจะเครียดหากห้องตกแต่งให้อึมครึมและเครียด ก็จะยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม ฉะนั้นห้องประชุมควรให้บรรยากาศที่สบาย ๆ ทั้งสายตาและอารมณ์ด้วย
3. เฟอร์นิเจอร์ ในที่นี้ก็หมายถึงพวกโต๊ะ เก้าอี้ สำหรับห้องประชุม จะเลือกโต๊ะขนาดไหนเก้าอี้แบบใดจึงจะออกมาสวย เป็นโต๊ะไม้ สีไม้ ลายไม้จะดูเป็นโต๊ะมากกว่า จากนั้นก็ค่อยเป็นเก้าอี้โทนสีเทาหรือดำก็ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำมันจะเข้าได้กับทุกโทนสีห้องและสีของโต๊ะห้องประชุมด้วย
4. การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์เครื่องเสียง จะต้องมีด้านหน้าสำหรับการติดตั้งจอโปรเจคเตอร์หรือใช้เป็นจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ และในมุมขวาหรือซ้ายด้านใดก็ได้ ตั้งเป็นโต๊ะและวางคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ หากวางตรงกลางจะเป็นการบังจอแสดงผลที่อยู่ด้านหลังและดูเกะกะมาก ฉะนั้นวางทางมุมใดมุมหนึ่งของซ้ายขวาทางด้านหน้าห้องประชุม
5. พื้นห้องประชุม การปูพื้นก็สำคัญอยากจะใช้เป็นอะไรจะเล่นลวดลายของสรกระเบื้องก็ได้ หรือจะเลือกเป็นการปูพรมก็สวยงามอีกแบบ แต่ว่าหากมองในเรื่องของการทำความสะอาดเข้าไปด้วย การปูแบบกระเบื้องจะทำความสะอาดได้ง่ายกว่าการปูพรมในห้องประชุม และควรเลือกสีของพื้นให้ตัดกับโทนสีของห้องเพื่อให้มันความโดดเด่นไม่จืดเกินไป แต่ก็ไม่ควรจะเป็นสีที่เด่นเกินไป
6. ตกแต่งด้วยไม้ประดับกระถาง ในห้องประชุมที่ดูมีแต่สิ่งของและสีที่ให้ความรู้สึกเย็นแต่บางทีก็ดูแข็งกระด้างต่อความรู้สึกเกินไป ลองหาต้นไม้ประดับสีเขียวที่ดูแลง่ายๆ ใส่กระถางสวย ๆ เข้ามาตั้งไว้สักมุมในห้องประชุมเพื่อความสบายตาและลดความกระด้างของความรู้สึกลงมาได้
7. ผ้าม่าน กรณีที่ประชุมที่มีหน้าต่างหรือมีผนังบางด้านเป็นกระจก เอาไว้บังแสงเวลาที่แดดสาดเข้ามาแรงเกินไป สีของผ้าม่านควรจะเป็นสีสว่างแต่เนื้อผ้าจะต้องหนาให้บังแสงได้ด้วย หากต้องการแสงสว่างจากด้านนอกก็ให้เปิดออก แต่ถ้าแสงมากเกินไปก็ปิดม่านและเปิดไฟแทนกันได้
การออกแบบห้องประชุมให้สวยงามดูดีมีหลายอย่างต้องคำนึงถึงและทุก ๆ ส่วนจะต้องสัมพันธ์กันด้วย หากไปคนละทิศละทางห้องประชุมคงออกมาแบบแปลก ๆ ที่ไม่น่านั่งประชุมเลย ฉะนั้นหากหน่วยงานของท่านยังไม่มีห้องประชุมควรจะต้องทำได้แล้วและออกแบบห้องประชุมให้ดี อย่าลืมคำนวณและนึกถึงคนที่จะเข้าร่วมในแต่ละครั้งด้วยว่ามีจำนวนเยอะแค่ไหน ขนาดห้องที่จะใช้ประชุมเพียงพอกันหรือไม่ เมื่อจบบทความนี้แล้วเราก็เชื่อว่าท่านคงจะมีแบบห้องประชุมที่สวยและเหมาะกับสำนักงานของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ห้องประชุมที่พอใจแล้วหากเป็นไปได้นำรูปมาแบ่งปันชมได้เลย เว็บไซต์ของเรายินดีรับเรื่องราวดี ๆ ในการออกแบบห้องประชุมเพื่อให้ผู้อ่านท่านอื่น ๆได้ความรู้ทั่วกัน
Post A Comment:
0 comments: