เมื่อขั้นตอนการสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็คือการตกแต่งภายในที่ขาดไม่ได้! เพราะบ้านจะสวยครบสูตรและสมบูรณ์แบบที่สุด! ภายในก็ต้องถูกจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัว ลงตัวทั้งเรื่องของประโยชน์ใช้สอยและเรื่องของความสวยงาม คงไม่มีใครที่ยอมเสียเงินสร้างบ้านราคาหลักล้านบาท แต่กลับปล่อยให้ภายในบ้านโล่งๆ ว่างๆ วางของไม่กี่ชิ้นให้เสียพื้นที่อย่างแน่นอน! แต่ก็ต้องมานั่งคิดว่าเราควรจะจ้างใครดี? ต้องมีงบเท่าไหร่? แล้วทำเองได้ไหม? ในปัจจุบันเจ้าของบ้านหลายหลังตัดสินใจที่จะตกแต่งบ้านด้วยตัวเอง เพราะกลัวค่าจ้างมัณฑณากรที่สูงลิบลิ่ว แต่ก็ลังเลใจไม่รู้ว่าจะแต่งเองไปรอดมั้ย? ทำเอาเหล่าเจ้าของบ้านรู้สึกเวียนหัวไม่น้อยเช่นกัน จึงเกิดเป็นปัญหาโลกแตกว่าระหว่างเจ้าของบานแต่งเองแบบตามใจฉัน กับจ้างมัณฑณากรนั้นอะไรที่จะตอบโจทย์ได้ดีกว่ากัน?
ตกแต่งภายในแบบไม่พลาดและไม่แพง แต่งด้วยตัวเอง VS มัณฑณากร แบบไหนจะคุ้มกว่ากัน?
การตกแต่งบ้านสำหรับบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่วางโซฟาตรงนั้นแล้วจัดให้เข้าชุดกัน หรือไปเอาแบบในหนังสือกับเว็บไซต์ต่างๆ มาแล้วทำตาม แต่เมื่อทำจริงแล้วคุณอาจจะต้องเจอปัญหาเรื่องพื้นที่ไม่เท่ากัน, สีของผนังหรือสีของเฟอร์นิเจอร์ไม่ตรงตามแบบ รวมไปถึงการจัดวางที่ไม่ถูกต้องตามทิศทางต่างๆ ทั้งทิศทางลมและทิศทางแสง เรื่องนี้ถือว่าเป็นจุดด้อยที่ทำให้เจ้าของบ้านตกแต่งบ้านออกมาแล้วไม่เป็นไปดั่งใจ เพราะเราไม่ใช่มืออาชีพ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ต้องมีอาชีพ "มัณฑณากร" หรือมีอีกหลากหลายชื่อ เช่น นักออกแบบและอินทีเรียร์ ดีไซน์เนอร์ ( Interior Designer) เป็นต้น การจ้างมัณฑณากรมาตกแต่งบ้าน ไม่ใช่แค่เพียงจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้ดูสวยงามและดูไฮเอนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นการทำให้บ้านถูกจัดวางสิ่งต่างๆ ไว้อย่างปลอดภัย ถูกต้องตามหลักของอาคาร มัณฑณากรจะเก็บข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้อยู่อาศัย, โครงสร้างอาคาร การวางระบบไฟ-ระบบน้ำ ทิศทางของแสงและลม รวมไปถึงพฤติกรรมต่างๆ ของผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้าน แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงก็ด้วยเช่นกัน เพื่อนำทั้งหมดนี้มาวิเคราะห์และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นให้อยู่ในจุดที่เหมาะสมมากที่สุด
มัณฑณากรไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่วางแปลนเพื่อการตกแต่งเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การตกแต่งของลูกค้า และสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สวยแต่ไม่ทำให้เกินงบประมาณเจ้าของบ้านได้อีกด้วย แต่ถ้าให้เราไปเลือกซื้อมาตกแต่งเอง ก็แน่นอนว่างบต้องมีบานปลายแน่นอน เพราะนั่นก็สวย นี่ก็ใช้ได้ เมื่อนำกลับมาบ้านถึงได้รู้ว่ามันไม่เข้ากันเลยสักชิ้น แถมบางชิ้นก็ซื้อมาซ้ำอีกต่างหาก ดังนั้นหน้าที่ของมัณฑณากรจึงมีมากกว่าการมาจัดเฟอร์นิเจอร์ให้เข้าที่ แต่ต้องทำให้บ้านได้บรรยากาศที่น่าอยู่ ของทุกชิ้นที่ซื้อมาใช้ประโยชน์ได้จริง ทุกคนภายในบ้านอยู่อย่างปลอดภัย ตำแหน่งข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อยู่ถูกที่และไม่ทำให้เกิดปัญหาในอนาคต ในส่วนของการทำงาน มัณฑณากรจะต้องทำงานร่วมกับทั้งวิศวกร, ช่าง และคนงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อต้องเข้ามาตกแต่งภายใน การจ้างมัณฑณากรจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของคนที่ไม่ได้ต้องการแค่บ้านสวยเท่านั้น แต่ต้องการให้บ้านเป็นบ้านจริงๆ และเมื่อก้าวเข้ามาอยู่แล้วให้ความสุขสูงสุดในแบบที่เจ้าของบ้านต้องการ
ค่าใช้จ่ายโดยรวมเมื่อต้องจ้างมัณฑณากร
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการจ้างมัณฑณากรเพื่อตกแต่งบ้าน ให้คุณคิดงบประมาณเพิ่มเข้าไปอีก 30-40% เช่น ถ้าบ้านคุณราคา 2 ล้านบาท คุณก็ควรกันเงินไว้เพื่อการตกแต่งภายในประมาณ 5-6 แสนบาทนั่นเอง โดยเงินจำนวนนี้จะรวมเรื่องค่าออกแบบ, ค่าวัสดุในการตกแต่ง และค่าแรงช่างเท่านั้น แต่ถ้าคุณยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์แล้วต้องซื้อยกใหม่ทั้งหมดก็อาจจะต้องกันเงินไว้เพิ่มอีก 1 ล้านกว่าบาทเลยทีเดียว ส่วนค่าจ้างตัวมัณฑณากรจะขึ้นอยู่กับราคาบ้านแต่ละหลัง เพราะส่วนใหญ่แล้วจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น บ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ค่ามัณฑณากรจะอยู่ที่ 15-20% หรือบ้านราคา 10 ล้านบาท ค่ามัณฑณากรจะอยู่ที่ 11-12% เป็นต้น ตรงนี้ต้องพูดคุยและทำความเข้าใจกับตัวมัณฑณากรที่คุณว่าจ้างอีกครั้ง แต่ราคากลางจะอยู่ที่ประมาณนี้
เมื่อคุณว่าจ้างมัณฑณากรให้เข้ามาทำงาน คุณควรมีการจ่ายล่วงหน้าในวันทำสัญญาว่าจ้างที่ประมาณ 10% ก่อน จากนั้นคุณก็ทยอยแบ่งจ่ายออกเป็นงวดที่ 2 ประมาณ 30% , งวดที่ 3 ประมาณ 20% , งวดที่ 4 ประมาณ 30% และงวดสุดท้ายที่ต้องส่งงานอีก 10% เท่านี้ก็เป็นอันจบขั้นตอนการว่าจ้างมัณฑณากร และคุณก็จะได้บ้านที่ทั้งสวยและใช้ประโยชน์พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าไปครอบครอง
รวมผลงานการออกแบบและตกแต่งของเหล่ามัณฑณากร