ฝ้าเพดาน คือ ส่วนที่ทำให้เพดานในบ้านดูสวยงามและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น พร้อมเป็นส่วนป้องกันไม่ให้เศษวัสดุร่วงลงมาโดนผู้ที่อยู่อาศัยภายในบ้าน แต่ปัจจุบันการเลือกฝ้าเพดานมาใช้งาน ก็เหมือนเลือกวัสดุมาตกแต่งบ้าน เพราะมีผลิตออกมาในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งตัววัสดุที่ไม่เหมือนกันและลวดลายที่ต่างกันออกไป ทำให้ผู้ที่กำลังสนใจติดตั้งฝ้าเพดานหลายๆ คน เกิดความสงสัย "แล้วแบบไหนล่ะที่เหมาะกับบ้านของเรา??" ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังกังวลเรื่องนี้ babbaan ขอนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับฝ้าและเรื่องที่ควรรู้ก่อนการติดตั้งมาฝากค่ะ

ฝ้าเพดานมีกี่แบบ

         เมื่อเพดานบ้านจะต้องเป็นจุดเดินสายไฟและท่อต่างๆ ภายใน ถ้าต้องการให้สวยงามก็ต้องมีการใช้ฝ้าเพดานมาเป็นตัวช่วยปกปิด และยังช่วยป้องกันน้ำหรือเศษต่างๆ ตกลงมาได้อีกด้วย โดยรูปแบบของฝ้ามีตั้งแต่ฝ้าทีบาร์, ฝ้าฉาบเรียบ, ฝ้าหลุม และฝ้าเว้นร่อง ส่วนวัสดุที่ใช้ทำฝ้านั้นก็ต่างกันออกไปตามแต่สะดวก แต่ที่จะได้รับความนิยมค่อนข้างมาก คือ ฝ้าที่ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ที่สามารถป้องกันการลุกลามของไฟได้เป็นอย่างดี ซึ่งฝ้าที่นิยมใช้ภายในบ้าน มีดังนี้


1.ฝ้ายิปซั่ม


ฝ้าเพดานมีกี่แบบ

       ฝ้าชนิดนี้เกิดขึ้นจากการนำผงแร่ยิปซั่มมาขึ้นรูปด้วยการใช้กระดาษแข็งประกบ โดยจะมีให้เลือกใช้งานหลายรุ่น เช่น รุ่นทาสีทับได้, รุ่นเคลือบสีสำเร็จ, รุ่นที่มีลวดลาย  หรือรุ่นที่มีการเคลือบผิวมาพร้อมลวดลาย (ทำความสะอาดง่าย) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ติดอะลูมิเนียมฟลอยด์กันความร้อนหรือผ่านการผสมใยแก้วมาแล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการลุกลามของไฟเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นอีกด้วย ฝ้ายิปซั่มจะเหมาะกับการทำเป็นฝ้าสำหรับซ่อนมุม, ฝ้าหลุมเพื่อเพิ่มลูกเล่นแสงไฟ, ฝ้าซ่อนผ้าม่าน และฝ้าซ่อนกรอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานตกแต่งที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเหมาะสมกับการทำเป็นฝ้าฉาบเรียบที่ให้เนื้องานเนี้ยบมาก เพราะสามารถซ่อนรอยต่อได้อย่างแนบเนียนหรือจะทำเป็นฝ้าทีบาร์ก็สวยดีเช่นกัน

ขนาดของฝ้ายิปซั่มแบบมาตรฐานจะอยู่ที่ 0.6 x 0.6 เมตร หรือ 0.6  x 1.2 เมตร ความหนา 8, 9, 12 และ 16 มิลลิเมตร ราคาตั้งแต่แผ่นละ 140 บาท จนถึงแผ่นละ 300 บาท ซึ่งราคาจะขึ้้นอยู่กับพื้นผิวในแต่ละแบบ

ข้อดี คือ นำมาซ่อมงานส่วนที่เสียหายหรือชำรุดได้ง่ายและติดได้อย่างแนบเนียน ไร้รอยต่อ ทาสีทับได้สบาย น้ำหนักเบา
ข้อเสีย คือ รุ่นธรรมดาจะไม่ทนต่อความชื้น จึงไม่ควรติดตั้งในห้องน้ำ ส่วนในรุ่นที่ทนความชื้นได้ก็จะเป็นรุ่นพิเศษที่ต้องผสมสารดูดความชื้นหรือผ่านการเคลือบผิวด้วยวัสดุที่ทนทานต่อความชื้นสูง ซึ่งราคาก็สูงไปตามคุณสมบัติด้วยเช่นกัน

2.ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์


ฝ้าเพดานมีกี่แบบ

     ไฟเบอร์ซีเมนต์ เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างซีเมนต์ปอร์ตแลนด์กับเส้นใยเซลลูโลส แล้วผลิตออกมาเป็นแผ่นโดยมีพื้นผิวหลากหลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นผิวลายไม้, ผิวเรียบ, ผิวแบบเซาะร่อง หรือผิวนูนแบบมีลวดลายพิมพ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแบบเคลือบพื้นผิวเพื่อให้การใช้งานยาวนานขึ้น ทำความสะอาดง่าย ฝ้าลักษณะนี้สามารถติดตั้งแบบฝ้าทีบาร์ภายในบ้านได้อย่างสวยงาม

ขนาดของฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์แบบมาตรฐานจะต่างกันออกไปตามพื้นผิว เช่น ถ้าเป็นลายระแนงไม้จะมีหน้ากว้างขนาด 4 นิ้ว ยาว 3 เมตร และหนา 8 มิลลิเมตรพร้อมทั้งเว้นระยะไว้เพื่อตีร่อง ส่วนแผ่นที่เป็นพื้นผิวอื่นๆ จะอยู่ที่  0.6 X 0.6 เมตร, 0.6 x 1.2 เมตร, 0.6 x 2.4 เมตร และ 1.2 x 2.4 เมตร โดยมีความหนาที่ต่างกันตั้งแต่ 3.5, 4 และ 6 มิลลิเมตรตามลำดับ ส่วนราคาก็จะต่างกันออกไปตามพื้นผิว, ขนาด และความหนาของแผ่นเช่นกัน โดยจะมีราคาตั้งแต่แผ่นละ 83 บาท ไปจนถึงราคาเกือบ 1,000 บาทเลยทีเดียว

ข้อดี คือ เหมาะกับการติดตั้งภายในบ้านและห้องน้ำ เพราะทนทานต่อความชื้นสูง สร้างลวดลายที่สวยสมจริง ดูเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะลายไม้เซาะร่องที่เหมือนเนื้อไม้จริงมากเลยทีเดียว และสามารถใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องปลวกหรือปัญหาการขยายตัว เพราะไม่ใช่เนื้อไม้จริงเป็นเพียงการเลียนแบบพื้นผิวมาเท่านั้น
ข้อเสีย คือ น้ำหนักค่อนข้างสูงและหนักกว่าฝ้ายิปซั่มค่อนข้างมาก จึงทำให้การถล่มลงมามีโอกาสสูง ดังนั้นการติดตั้งจึงต้องเรียกช่างที่มีความชำนาญเท่านั้น

3.ฝ้าเพดานไม้


ฝ้าเพดานมีกี่แบบ

     ฝ้าชนิดนี้จะเลือกไม้แท้ที่มาจากธรรมชาติ เพื่อให้ได้ลวดลายและกลิ่นอายที่สมจริง ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น เหมาะกับการติดตั้งเป็นฝ้าภายในบ้านหรือนอกชาน แต่ก่อนที่จะติดตั้งเป็นฝ้าได้จะต้องมีการเคลือบเนื้อไม้มาก่อน โดยต้องผ่านการเคลือบน้ำยารักษาเนื้อไม้, น้ำยากันปลวกและแมลงต่างๆ พร้อมการอบแห้งเพื่อไม่ทำให้เนื้อไม้เกิดยืดหรือหดตัวในขณะใช้งาน ส่วนการทาสีนั้นจะไม่นิยม เพราะบ้านที่ติดตั้งฝ้าเพดานไม้ส่วนใหญ่ต้องการลวดลายของไม้แท้เท่านั้น จึงเป็นเพียงการเคลือบแบบใส โดยไม้ที่นิยมใช้มากที่สุด คือ ไม้สัก, ไม้แดง และไม้มะค่า เป็นต้น

ขนาดของฝ้าไม้แบบมาตรฐานจะดูที่หน้ากว้าง จะมีตั้งแต่ 3-6 นิ้ว ส่วนความยาวจะอยู่ที่ 1-3 เมตร ความหนาจะนิยมใช้ 8, 11 และ 18 มิลลิเมตร ส่วนราคาก็จะต่างกันออกไปตามมูลค่าของเนื้อไม้เป็นหลัก เช่น ไม้สักจะราคาตั้งแต่ 6,000-10,000 บาท (ต่อไม้ 30-50 แผ่น) หรือฝ้าไม้แดงขนาดแผ่นละ 4x1 เมตร ราคามัดละ 300 บาทขึ้นไป เป็นต้น

ข้อดี คือ ให้ความสวยที่เป็นธรรมชาติ ช่วยป้องกันความร้อนได้ดี และทำให้บ้านอบอุ่นมากขึ้น บรรยากาศภายในบ้านดูเด่นมากกว่าเดิมอีกด้วย
ข้อเสีย คือ ดูแลรักษาค่อนข้างยาก ถ้าเคลือบไม่ดีก็เสี่ยงต่อปลวกและเนื้อไม้ผุพังในอนาคต ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดูแลสูงพอสมควร

4.ฝ้าอะลูมิเนียม


ฝ้าเพดานมีกี่แบบ

ฝ้าลักษณะนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมติดตั้งภายในบ้าน แต่จะใช้ในอาคารขนาดใหญ่ เพราะอะลูมิเนียมทนทานต่อไฟได้ดี ไม่เสียหายง่าย และสามารถซ่อนต่างๆ ที่อยู่ใต้เพดานได้มิดชิด ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวลอีกด้วย

ข้อดี คือ ทนทานไฟ เมื่อมีเศษต่างๆ ตกลงมาก็สามารถป้องกันได้ดี เสียหายค่อนข้างยาก และให้ความสวยงามดี พร้อมคุณสมบัติที่สามารถติดตั้งไฟซ่อนหรือไฟหลืบต่างๆ ที่ง่ายดาย
ข้อเสีย คือ ราคาของฝ้าชนิดนี้สูงมาก เหมาะแก่การขึ้นรูปเพียงชิ้นเดียวแล้วติดตั้งยาวทั้งเพดาน จึงควรใช้กับพื้นที่กว้างในอาคารหรือสำนักงานขนาดใหญ่มากกว่าภายในบ้าน

5.ฝ้ายูพีวีซี


ฝ้าเพดานมีกี่แบบ

ฝ้าแบบไวนิลกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยผลิตมาจาก Unplasticized Polyvinyl ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในอะครีลิกที่มีความสวยงามและทนทาน เหมาะกับการติดตั้งเป็นฝ้าภายนอกอาคารหรือฝ้าระเบียงบ้าน เพราะทนทานต่อทั้งความร้อนและความชื้นสูง

ข้อดี คือ ให้ความสวยที่เรียบหรู ดูดี ทนทานต่อความร้อนและความชื้นได้ดี กันรังสี UV มีน้ำหนักเบาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการพังถล่มลงมาในอนาคตและมักจะมีการทำสีสำเร็จมาแล้ว
ข้อเสีย คือ ถ้าเลือกแบบสีมาใช้ก็ต้องทำใจกับความหมองเมื่อใช้งานนานวันและราคาค่อนข้างแพงมากเลยทีเดียว

ฝ้าเพดานกับการใช้งานในแต่ละห้อง
      การติดตั้งฝ้าภายในบ้านเพื่อให้ได้ทั้งบรรยากาศ ที่มาพร้อมประโยชน์ในการใช้งานที่เหมาะสม และควรเลือกฝ้าที่ใช้ในแต่ละห้องให้ถูกต้อง ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ดังนี้

1.ห้องนอน 
    ฝ้าที่เหมาะกับการติดตั้งในห้องนอน คือ ฝ้ายิปซั่มที่มีการติดตั้งใยแก้วเพื่อกันความร้อนมาแล้ว หรือจะเพิ่มฉนวนแบบโฟมกันความร้อนก็จะช่วยได้มากขึ้น ทำให้ห้องอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมและไม่ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักจนเกินไปอีกด้วย

2.ห้องนั่งเล่น/ห้องรับแขก
    ฝ้าที่เหมาะกับการติดตั้งในห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก ควรเป็นฝ้าสวยที่โชว์ลวดลายและลูกเล่นต่างๆ ได้อย่างโดดเด่น มาพร้อมคุณสมบัติเรื่องกันความร้อนได้ดี จึงเหมาะกับฝ้ายิปซั่ม, ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ และฝ้าเพดานไม้

3.ห้องครัว
    ห้องครัวเป็นโซนที่มีทั้งความร้อน ความชื้น และควันจากการทำอาหาร ดังนั้นฝ้าเพดานที่เหมาะสมกับห้องนี้จึงควรทนทานต่อความร้อน ไม่อมความชื้น และมีพื้นผิวที่ทำความสะอาดได้ง่าย โดยเฉพาะเหล่าคราบน้ำมันต่างๆ ที่ระเหยไปตามควัน นอกจากนี้ยังต้องช่วยป้องกันคราบเชื้อราและฝุ่นได้ดีอีกด้วย จึงเหมาะสมกับฝ้ายิปซั่มชนิดพิเศษแบบเคลือบพื้นผิวและฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์

4.ห้องน้ำ
     ห้องน้ำเป็นโซนที่ค่อนข้างอับ มีความชื้นสูง จึงจำเป็นที่ต้องใช้ฝ้าไม่อมความชื้น ป้องกันเชื้อรา และทำความสะอาดได้ง่าย จึงเหมาะสมกับฝ้ายิปซั่มชนิดพิเศษแบบเคลือบสารที่พื้นผิวและฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ นอกจากนี้โครงคร่าวก็ควรทำการชุบสังกะสีป้องกันสนิมด้วยเช่นกัน

     เพดานถือว่าเป็นส่วนสำคัญของบ้านไม่แพ้ส่วนอื่น การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมทั้งเรื่องของการตกแต่ง การให้ประโยชน์ และราคาจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าคุณกำลังมองหาฝ้าเพดานที่เหมาะสมกับความต้องการ ก็ควรสละเวลามาหาข้อมูลสักนิด เพื่อให้คุณได้วัสดุที่ตรงใจมากที่สุดและไม่ต้องเสียงบประมาณสูงจนเกินไปอีกด้วย

Post A Comment:

0 comments:

babbaan.in V. Powered by Blogger.